เคล็ดลับเลือกผู้รับเหมาตกแต่งภายในไม่ให้โดนโกง

สัญญาณเตือนผู้รับเหมาตกแต่งภายในที่ควรหลีกเลี่ยง ก่อนเสียเงินและเสียใจ
การเลือก ผู้รับเหมาตกแต่งภายใน ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่สุดของการสร้างหรือปรับปรุงบ้าน เพราะแม้คุณจะมีแบบบ้านสวยแค่ไหน ถ้าเลือกผู้รับเหมาผิด งานอาจพัง เสียเงิน เสียเวลา และเสียความรู้สึกได้ง่ายมาก หลายคนอาจเคยเจอปัญหา ผู้รับเหมาทิ้งงาน, เก็บเงินแล้วหนี, หรือ วัสดุไม่ตรงตามที่ตกลงไว้ ซึ่งทั้งหมดสามารถป้องกันได้ หากรู้วิธีตรวจสอบและเลือกอย่างมืออาชีพ
บทความนี้ พระนคร เดคคอเรท ได้รวบรวม เคล็ดลับการเลือกผู้รับเหมาตกแต่งภายในไม่ให้โดนโกง พร้อมแนวทางเช็กความน่าเชื่อถือของบริษัทที่รับงาน รวมถึงคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตกแต่งภายใน เพื่อให้เจ้าของบ้านทุกคนสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากที่สุด
ทำไม การเลือกผู้รับเหมาตกแต่งภายใน ถึงสำคัญกว่าที่คิด
การตกแต่งภายใน (Interior Design & Decoration) ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เกี่ยวข้องกับ การจัดสเปซ การเลือกวัสดุ ระบบไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน และการใช้งานในชีวิตจริง
หากเลือกผู้รับเหมาที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ผลลัพธ์อาจไม่ตรงกับแบบที่ต้องการ หรือเกิดปัญหาซ้ำซ้อนในอนาคต เช่น
- ใช้วัสดุไม่ตรงสเปก ราคาถูกเกินจริง
- งานช่างไม่ได้มาตรฐาน เช่น เฟอร์นิเจอร์เอียง บานตู้ไม่แน่น
- งานล่าช้า หรือทิ้งงาน
- เก็บเงินเพิ่มระหว่างทางโดยไม่มีเหตุผล
- ไม่มีสัญญาชัดเจน
ดังนั้น การคัดเลือกผู้รับเหมาตกแต่งภายในที่น่าเชื่อถือ คือหัวใจสำคัญของการได้บ้านที่ทั้ง สวย เรียบ หรู ใช้งานได้จริง และไม่ต้องซ่อมบ่อย
เคล็ดลับเลือกผู้รับเหมาตกแต่งภายในไม่ให้โดนโกง
- ตรวจสอบผลงานเก่าของบริษัทให้ละเอียด:
ก่อนตัดสินใจ ควรขอดู Portfolio งานตกแต่งภายในที่เคยทำ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เพื่อดูคุณภาพของฝีมือ ความเรียบร้อย และความสอดคล้องกับสไตล์ที่คุณต้องการ เช่น Modern, Minimal, Luxury หรือ Contemporary - ตรวจสอบเอกสารและใบอนุญาตประกอบธุรกิจ:
ผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือควรมี- ใบจดทะเบียนบริษัท
- ที่อยู่สำนักงานจริง
- สัญญาว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร
เอกสารเหล่านี้แสดงถึงความรับผิดชอบและความเป็นมืออาชีพ ซึ่งลดความเสี่ยงในการถูกโกงได้มาก
- อย่าเชื่อราคาที่ถูกเกินจริง
ราคาที่ถูกผิดปกติมักมาพร้อมกับความเสี่ยง เช่น การลดต้นทุนวัสดุ การเร่งงาน หรือแม้แต่การทิ้งงาน ดังนั้นควรขอใบเสนอราคาจากหลายบริษัทเพื่อเปรียบเทียบอย่างโปร่งใส - อ่านสัญญาอย่างละเอียดก่อนลงนาม ควรระบุให้ครบทั้ง
- รายละเอียดวัสดุ (แบรนด์ รุ่น สี)
- ระยะเวลาทำงาน
- เงื่อนไขการชำระเงิน
- การรับประกันผลงานหลังส่งมอบ
และอย่าลืมเก็บเอกสารไว้ทั้งหมดเพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
- สังเกตความโปร่งใสของการสื่อสาร
บริษัทที่ดีจะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ตอบคำถามได้ครบถ้วน และเปิดเผยทุกขั้นตอนการทำงาน ตั้งแต่การออกแบบ 3D, การเลือกวัสดุ, การติดตั้ง จนถึงการส่งมอบ - ดูรีวิวจากลูกค้าจริง
ดูรีวิวจากแหล่งที่ตรวจสอบได้ เช่น Google Business, Facebook หรือ Pantip เพื่อดูเสียงตอบรับจริง ๆ จากลูกค้าที่เคยใช้บริการ - เลือกบริษัทที่มีทีมงานครบวงจร
บริษัทตกแต่งภายในมืออาชีพควรมีครบทั้ง- Interior Designer
- ช่างเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน
- ช่างระบบไฟฟ้า
- ฝ่ายตรวจคุณภาพ (QC)
- ขอใบเสนอราคาแบบแยกรายการ
อย่ารับราคาแบบเหมาโดยไม่รู้รายละเอียด ควรขอให้แยกราคาวัสดุ ค่าแรง และค่าออกแบบ เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าอย่างโปร่งใส - อย่าลืมขอรับประกันผลงานหลังส่งมอบ บริษัทมืออาชีพ เช่น พระนคร เดคคอเรท จะมี บริการรับประกันงานบิวท์อินและระบบไฟฟ้า ภายหลังการส่งมอบ ซึ่งเป็นสัญญาณของความรับผิดชอบระยะยาว
- เช็กความเข้าใจตรงกันก่อนเริ่มงาน
ก่อนเซ็นสัญญา ควรนัดพูดคุยให้เข้าใจตรงกันทั้งเรื่อง งบประมาณ, สไตล์, วัสดุ, และระยะเวลา เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้ง
5 สัญญาณอันตรายของผู้รับเหมาที่ควรหลีกเลี่ยง
การเลือกผู้รับเหมาตกแต่งภายในไม่ใช่แค่ดู ราคาถูก หรือ พูดจาดี เท่านั้น เพราะในตลาดมีทั้งบริษัทมืออาชีพและผู้รับเหมาทั่วไปปะปนกันอยู่มาก หากไม่ตรวจสอบให้ดี คุณอาจต้องเสียเงิน เสียเวลา และได้งานที่ไม่ตรงตามฝัน
- เสนอราคาถูกกว่าท้องตลาดมากผิดปกติ
ของดี ราคาถูกเกินจริง มักไม่ค่อยมีอยู่จริงในงานตกแต่งภายใน
ผู้รับเหมาบางรายตั้งราคาให้ดูน่าสนใจในตอนแรก เช่น เสนอราคาถูกกว่าคู่แข่ง 3040% เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจเร็ว แต่เมื่อเริ่มงานกลับ ลดสเปกวัสดุ, ใช้ของเกรดต่ำ, หรือ เรียกเงินเพิ่มภายหลัง ด้วยข้ออ้างต่าง ๆ เช่น วัสดุขึ้นราคา, แบบมีการเปลี่ยนแปลง
แนวทางป้องกัน:
- ขอใบเสนอราคาเปรียบเทียบอย่างน้อย 3 บริษัท
- ตรวจสอบว่าราคาที่เสนอมีการระบุวัสดุ แบรนด์ และขนาดชัดเจน
- หากราคาต่ำผิดปกติ ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเสมอ
- ไม่สามารถให้ที่อยู่บริษัทหรือชื่อจดทะเบียนได้
ผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือควรมี ตัวตนทางธุรกิจ ชัดเจน เช่น- มีสำนักงานจริง
- มีใบจดทะเบียนบริษัทหรือผู้ประกอบการ
- สามารถออกใบเสนอราคาและใบเสร็จอย่างเป็นทางการ
หากคู่สัญญาให้เพียงเบอร์โทรศัพท์หรือชื่อบุคคลโดยไม่มีที่อยู่บริษัท ควรระวัง เพราะหากเกิดปัญหา เช่น งานล่าช้า วัสดุไม่ตรงแบบ หรือทิ้งงาน คุณจะไม่สามารถตามตัวได้
แนวทางป้องกัน:
- ตรวจสอบชื่อบริษัทในระบบ DBD (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
- ขอใบเสนอราคาอย่างเป็นทางการที่มีชื่อบริษัท โลโก้ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี
- ลองค้นชื่อบริษัทใน Google หรือ Facebook เพื่อดูว่ามีการรีวิวหรือผลงานจริงหรือไม่
- สัญญาไม่ชัดเจน ไม่มีการระบุวัสดุหรือรายละเอียดงาน
สัญญาคือ เกราะป้องกันความเสียหาย ของทั้งสองฝ่าย แต่ผู้รับเหมาบางรายอาจใช้สัญญาแบบทั่วไปที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด เช่น
- ไม่บอกยี่ห้อวัสดุหรือรุ่นที่ใช้
- ไม่มีระยะเวลาส่งมอบงานที่แน่นอน
- ไม่ระบุการรับประกัน
เมื่อไม่มีรายละเอียดในสัญญา หากเกิดความเสียหาย คุณจะไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเรียกร้องได้
แนวทางป้องกัน:
- เขียนสัญญาอย่างละเอียดทุกจุด เช่น ยี่ห้อวัสดุ, สี, ขนาด, วันเริ่มและสิ้นสุดงาน
- ให้ทั้งสองฝ่ายเซ็นกำกับในทุกหน้าของสัญญา
- เก็บสำเนาไว้เป็นหลักฐานพร้อมใบเสนอราคาที่แนบ
- เรียกเงินล่วงหน้าเกิน 50% ของงบทั้งหมด
การจ่ายเงินมัดจำเป็นเรื่องปกติในงานตกแต่งภายใน แต่ถ้าผู้รับเหมาขอเกิน 50% ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน ถือเป็นสัญญาณอันตราย เพราะบางกรณีอาจ รับเงินแล้วไม่เริ่มงานจริง หรือ ทิ้งงานกลางทาง
แนวทางป้องกัน:
- จ่ายเงินตามงวดงาน เช่น
- งวดที่ 1: เซ็นสัญญา (30%)
- งวดที่ 2: งานคืบหน้า 50% (30%)
- งวดที่ 3: งานเสร็จสมบูรณ์ (40%)
- เก็บหลักฐานการชำระเงินทุกครั้ง (โอนผ่านบัญชีบริษัทเท่านั้น)
- อย่าโอนเงินส่วนตัวหรือเงินสดโดยไม่มีใบเสร็จ
- จ่ายเงินตามงวดงาน เช่น
- ไม่มีผลงานอ้างอิงจริง หรือใช้รูปงานคนอื่น
อีกหนึ่งกลโกงที่พบได้บ่อยคือ ผู้รับเหมาบางรายใช้ ภาพผลงานจากอินเทอร์เน็ตหรือบริษัทอื่น มาโพสต์โปรโมตบนโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือปลอม ๆ โดยที่ตนเองไม่เคยทำงานจริงในโครงการนั้น
แนวทางป้องกัน:
- ขอเข้าดูหน้างานจริงที่เคยทำ (ถ้าเป็นไปได้)
- สอบถามลูกค้าเก่าหรือดูรีวิวใน Google
- ตรวจสอบว่าในภาพผลงานมีโลโก้บริษัทหรือมีข้อมูลยืนยันว่าเป็นผลงานจริงหรือไม่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตกแต่งภายใน
Q1: ตกแต่งภายในควรเริ่มต้นจากอะไร?
A: เริ่มจากกำหนดงบประมาณ สไตล์ และพื้นที่ จากนั้นเลือกบริษัทที่มีบริการออกแบบ 3D ให้ดูก่อนเริ่มงานจริง
Q2: ใช้เวลาตกแต่งภายในนานแค่ไหน?
A: โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3090 วัน ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่และความซับซ้อนของงาน
Q3: ต่างกันไหมระหว่าง อินทีเรียดีไซน์ กับ ตกแต่งภายใน?
A: ต่างกันเล็กน้อย อินทีเรียดีไซน์ เน้นการออกแบบเชิงฟังก์ชัน ส่วน ตกแต่งภายใน รวมถึงการผลิตและติดตั้งเฟอร์นิเจอร์จริง
Q4: ควรเลือกวัสดุแบบไหนให้ทนและคุ้มค่า?
A: เลือกวัสดุที่ได้มาตรฐาน เช่น MDF ปิดผิวเมลามีน หรือไม้จริงสำหรับงานหรู เพื่อความทนทานและสวยงามในระยะยาว
Q5: บริษัทรับตกแต่งภายในมีบริการหลังการขายไหม?
A: บริษัทมืออาชีพเช่น พระนคร เดคคอเรท มีบริการรับประกันและดูแลหลังการส่งมอบ เช่น แก้ไขงานบิวท์อินหรือระบบไฟฟรีภายในระยะเวลาที่กำหนด
เปลี่ยนทุกพื้นที่ให้เป็น บ้านในฝัน ด้วยทีมตกแต่งภายในมืออาชีพจาก พระนคร เดคคอเรท
การตกแต่งภายในไม่ใช่เพียงเรื่องของ ความสวยงาม เท่านั้น แต่คือการออกแบบชีวิตประจำวันให้ลงตัวในทุกมิติ ทั้งฟังก์ชันการใช้งาน บรรยากาศที่สะท้อนตัวตน และความสบายที่อยู่ได้นานหลายปี
บริษัท พระนคร เดคคอเรท จำกัด คือผู้เชี่ยวชาญด้านงาน ตกแต่งภายในแบบครบวงจร ที่พร้อมดูแลคุณตั้งแต่เริ่มต้นจนจบโครงการ ด้วยทีมอินทีเรียดีไซเนอร์และทีมช่างผู้มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบ 3D, การเลือกวัสดุคุณภาพ, การผลิตเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินด้วยมาตรฐานโรงงาน และการติดตั้งอย่างพิถีพิถัน
เราเชื่อว่า บ้านที่ดี คือพื้นที่ที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจที่สุด
และงานตกแต่งภายในที่ดีต้องสะท้อนทั้งความงามและคุณภาพที่ยั่งยืน
สนใจปรึกษาเรื่อง บิ้วอินห้องนอน ออกแบบภายใน กับทีมงานมืออาชีพ
ติดต่อ พระนคร เดคคอเรท จำกัด ได้ทุกช่องทาง
761 ถ.พระรามที่ 2 ซอย 11 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150
Email: pranakorndec@gmail.com
เบอร์โทร: 099 619 6789


